ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิตยอดเขาพนมเบญจา ยิ่งไกล..ยิ่งชอบ ยิ่งไปยาก..ยิ่งใช่ ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ ไม่ได้นับความสนุกตอนวันเดินทางเท่านั้น แต่มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเสียอีก เพราะแน่นอนว่าเราต้องฝึกร่างกายให้พร้อมเผชิญกับสภาพพื้นที่ โหดหิน ป่าพื้นที่ชุ่มน้ำ แนวป่าที่สูงชัน ยอดเขาพนมเบญจา เป็นยอดเขาที่สูง อันดับ 2 ของภาคใต้ มีลักษณะของเทือกเขา มีรูปร่างลักษณะคล้ายผู้หญิงสาว ที่กำลังนอนยาวทอดกายอยู่ ถูกนิยามให้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม อีกจุดหนึ่ง เส้นทางเดินในช่วงเริ่มต้นถือว่ายากนิดหน่อยเพราะต้องเดินผ่านโหดหินน้อยใหญ่สลับกันไป แต่เมื่อผ่านไปสักระยะจะต้องเจอกับหน้าผาสูง ต้องปีนป่ายกับความชันที่เพิ่มขึ้นตลอดเส้นทาง พร้อมอากาศที่เบาบางลงเรื่อย ๆ ส่วนวิวระหว่างทางมีต้นเฟิร์น ต้นไทร โบราณ กล้วยไม้ป่า กล้วยไม้รองเท้านารี รวมทั้งสัตว์ป่าที่หายาก เช่น ผีเสื้อหลากหลายสายพันธุ์ ปูตัวสีม่วง สีขาว เสียงจั๊กจั่น และพันธุ์ไม้แปลกตาราวกับฉากป่าในหนัง ทำให้คลายความเหนื่อยลงได้ไม่น้อย ถูกจัดอันดับให้เป็นอีกหนึ่งในเส้นทางเดินป่าระยะไกลที่ท้าทายที่สุด พร้อมจุดชมวิวที่สวยงาม เช่น สันจมูกนาง คอนางนอน หน้าผานาง ป่าน้ำค้าง และพันธุ์ไม้ที่สมบูรณ์ ทุกเสียงที่พิชิตยอดเขาพนมเบญจา นี้สำเร็จพูดตรงกันว่า สวยเหมือนสวรรค์ การเดินเท้าในครั้งนี้ 3 วัน 2 คืน เราเดินทางไปพร้อมกับ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติพนมเบญจา ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ตำบลหน้าเขา อำเภอเขาพนม จ.กระบี่ เพื่อสำรวจเส้นทาง โดยวันแรก เริ่มต้นจากอ่างเก็บน้ำบางสร้าน ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 10 ชั่วโมง ถึงจุดพักกลางป่า เพราะต้องปีนป่ายกับความชันที่เพิ่มขึ้นตลอดเส้นทาง ถือว่าที่โหดสุดๆ รุ่งเช้าวันที่ 2 เดินทางกันต่อผ่านป่าน้ำค้าง มีน้ำค้างตกตลอดทั้งวัน เป็นป่าดิบชื่น เย็นชื่นใจ เดินต่อไปสักระยะถึงจุดพักแรม กางเต็นท์ ที่คอนางนอน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช่เวลาในการเดินเท้า 2 ชั่วโมง เส้นทางค่อนข้างลำบาก คอนางนอนเป็นจุดชมวิวที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี มีหมอกฟุ้งกระจายกระทบหน้า ลมพัดแรง ๆ พร้อมมองเห็นตัวอำเภอเขาพนมอีกด้วย จากคอนางนอน เราเดินทางเข้าป่าโบราณ สำรวจพันธุ์ไม้ หลากหลายสายพันธุ์ พร้อมกับจุดชมวิว สันจมูกทางที่มีโขดหินยื่นออกไปจากหน้าผาที่สูงชัน มองเห็นภูเขาอีกลูกหนึ่ง เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ในการเดินออกไปถ่ายภาพ จากสันจมูกนางเราเดินทางต่อไปที่หน้าผากนาง ต้องใช้เวลาสักระยะในการเดินเท้าเพราะต้องขึ้นและลงจากเขาอีกลูกไปยังอีกลูกหนึ่ง เพื่อปีนหน้าผาที่สูงชัน เป็นจุดที่สูงที่สุด สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ที่จุดนี้ มองวิว 360 องศา นอกจากนี้ยังเห็นอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง ชุมชนอำเภอเขาพนม มองเห็นสนามบินกระบี่ อำเภอเหนือคลองบางส่วน อ่าวท่าเลน ทะเลกระบี่ ยืนรับลมเย็นๆ อากาศหนาวต่ำกว่า 10 องศา เมื่ออากาศดีๆ จุดนี้เราจะได้ชมทะเลหมอก หลังจากนั้นเดินเท้ากลับไปที่จุดกางเต้นที่คอนนางนอน (คำถามว่าทำไมเราไม่นอนที่หน้าผากนาง คำตอบคือ อากาศนาวมากและลมแรงมาก ) คืนที่2 เรานอนกันที่คอนางนอน ริมสายน้ำเล็กๆ เย็นฉ่ำ พร้อมนอนชมดาว ชมพระจันทร์ ที่สวยงาม รับลมเย็นๆ อากาศหนาว ต่ำกว่า 16 องศา ตลอดทั้งคืน ตื่นเช้าวันที่ 3 จิบกาแฟ แลตะวันขึ้นที่จุดนี้ บอกได้คำเดียวว่ามันดีสุดๆ นั่งคุยกัน นั่งแชร์ความคิดเห็นกัน นั่งชมบรรยากาศได้ไปเรื่อยๆ จนถึงเวลา 11 โมงเช้า เราได้เวลาเดินทางกลับ อีกเส้นทางหนึ่ง เส้นทางนี้เราได้ผ่านน้ำตก ผ่านก้อนหินที่ใหญ่มาก ผ่านต้นไม้ที่สูงใหญ่เต็มไปหมด ใช้เวลาในการเดินทางกลับประมาณ 8 ชั่วโมง ถึงที่หมายอย่างป่าวทุกคน (เล่าให้ฟังแบบคราวๆ ก่อนนะครับ) เพื่อความปลอดภัยในการเดินพิชิตยอดเขาพนมเบญจา ในเร็วๆนี้ทางอุทยาน จะดำเนินการเปิดเป็นเส้นทางเดินป่าระยะไกล ได้กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ชำนาญทางติดตามไปด้วยเสมอ รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่ออุทยานเเห่งชาติเขาพนมเบญจา ได้เลยครับ #ยอดเขาพนมเบญจา #กระบี่อย่าเดี๋ยวเที่ยวกันเลย #ศูนย์ข่าวท้องถิ่นกระบี่ #ข่าวภาคใต้